กองปราบฯ-ตร.ตรัง บุกทลาย “แก๊งหญิงเบื่อ” ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยโหด
หมวดหมู่ : ตรัง,
โฟสเมื่อ : 20 ก.พ. 2567, 18:00 น. อ่าน : 502ตรัง-ตำรวจกองปราบฯ สนธิกำลังตำรวจ จ.ตรังปฏิบัติการทลาย “แก๊งหญิงเบื่อ” สาวประเภทสองปล่อยเงินกู้นอกระบบคิดดอกเบี้ยมหาโหด ส่งเงินไม่ต่อเนื่อง 30 วัน โดน “ล้มรายวัน” ทำมานานแล้วหลายปี พบยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีหัวหน้ากว่า 20 ล้านบาท ลูกหนี้เผยนาทีถูกขู่ฆ่า
ปฏิบัติการครั้งนี้ เริ่มเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 20 ก.พ.2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รองผบก.ป.และ พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป.พ.ต.ท.สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. (ชป.ตรัง) กก.สส.ภ.จว.ตรัง และ สภ.กันตัง ร่วมกันบุกจับกุมผู้ต้องหาแก๊งเงินกู้โกด ตามหมายจับ 6 ราย คือ1.นายสมพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี หัวหน้าแก๊งเป็นสาวประเภทสอง 2.น.ส.จุรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี 3.นายสังคม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี 4.นายเจริญ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี 5.น.ส.ยุพิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี และ 6.นางอารี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี
ทั้ง 6 คน มีข้อกล่าวหา ร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพอันเป็นกิจการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับธนาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต, ข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย, กรรโชกทรัพย์, ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่น โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ, ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจด้วยการขู่เข็ญ, ทวงถามหนี้โดยการข่มขู่ การใช้ความรุนแรงทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียงของลูกหนี้หรือผู้อื่น
สถานที่จับกุมพื้นที่ อ.กันตัง จ.ตรัง จำนวน 5 จุด พฤติการณ์สืบเนื่องจากเมื่อเดือน ก.ย. 2566 กลุ่มประชาชนในพื้นที่ อ.กันตัง จ.ตรัง กว่า 30 ราย ได้เดินทางมายัง สภ.กันตัง เพื่อร้องเรียนขอให้ช่วยเหลือพร้อมแจ้งความร้องทุกข์ กรณี “แก๊งหญิงเบื่อ” แก๊งเงินกู้นอกระบบได้ปล่อยเงินกู้โดยคิดอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซ้ำยังมีวิธีการทวงหนี้โดยใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ใช้อาวุธกับลูกหนี้ ด้วยการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย และชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก กก.6 บก.ป. จึงสืบสวนคดีนี้ ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ตรัง และ สภ.กันตัง วางแผนปฏิบัติการในครั้งนี้
จากการสืบสวนพบว่า แก๊งหญิงเบื่อ มีนายสมพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี เป็นหัวหน้าซึ่งเป็นสาวประเภทสอง ทำหน้าที่เป็นนายทุน และปล่อยให้เงินกู้ให้ลูกค้า แก๊งหญิงเบื่อนี้มีแนวทางการเก็บเงินที่แปลกใหม่ มีการเก็บดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าร้อยละ 20 โดยลูกค้าต้องชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้เป็นจำนวน 30 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน กล่าวคือ หากลูกค้ามีการกู้ยืมเงิน จำนวน 10,000 บาท จะต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยครั้งละ 400 บาท ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 30 วัน รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย คือ 12,000 บาท หากลูกหนี้ส่งเงินไม่ต่อเนื่อง 30 วันนายสมพงษ์ ก็จะบังคับให้ลูกหนี้เริ่มการชำระใหม่ สำหรับเงินที่ชำระมาแล้วนั้น นายสมพงษ์ จะตัดยอดไว้ จำนวน2,000 บาท แล้วคืนเงินที่เหลือให้กับลูกหนี้ เพื่อเริ่มชำระเงินใหม่ ซึ่งจะเรียกลักษณะนี้ว่า “ล้มรายวัน” ยกตัวอย่างเช่นหากชำระหนี้มาแล้ว 15 วัน รวมเป็นเงิน 6,000 บาท วันที่ 16 ไม่ได้ชำระเงิน นายสมพงษ์ จะตัดยอดดอกเบี้ยไว้ 2,000 บาท และคืนเงิน 4,000 บาท แล้วลูกค้าต้องชำระเงินใหม่วันละ 400 บาท ต่อเนื่องกันไปสามสิบวัน
จากการตรวจสองพบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีของ นายสมพงษ์ จำนวนกว่า 20 ล้านบาท และยังมีการแบ่งหน้าที่กันทำกับลูกน้องในลักษณะองค์กรอาชญากรรม โดยมีลูกน้องอีก 5 คน ที่ทำหน้าที่เก็บเงินและทวงเงิน คือน.ส.จุรี (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี, นายสังคม (สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี, นายเจริญ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี, น.ส.ยุพิน (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี และ นางอารี (สงวนนามสกุล) อายุ 62 ปี
สภ.กันตัง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลอนุมัติหมายจับและหมายค้นบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนนำมาสู่ปฏิบัติการในวันที่ 20 ก.พ. 2567 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กก.6 บก.ป. ได้สนธิกำลังร่วมกับกก.สส.ภ.จว.ตรัง และ สภ.กันตัง เปิดปฏิบัติการ “ปราบปราบเงินกู้นอกระบบ เจ้าหนี้ “หญิงเบื่อ ดอกเบี้ยโหด” ปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัย ในพื้นที่ อ.กันตัง จ.ตรัง รวมทั้งสิ้นจำนวน 6 จุด และสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้ง 6 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางนำส่ง สภ.กันตัง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนของกลางที่ยึดได้จำนวน 6 รายการ ได้แก่ 1. สัญญากู้ยืมเงินพร้อมเอกสารบัตรประชาชนลูกหนี้ จำนวน 90 ฉบับ (หลายรายการไม่มีการลงรายละเอียดยอดเงินเพียงให้ลูกหนี้ลงลายมือชื่อไว้) 2. แบบฟอร์มสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 50 ฉบับ 3. ปฏิทินจดรายละเอียดการชำระเงินของลูกหนี้ จำนวน 1 แผ่น 4. เงินสด จำนวน 55,396 บาท 5. สมุดบัญชี จำนวน 9 เล่ม 6. โทรศัพท์ จำนวน 7 เครื่อง จากการสอบถามปากคำกลุ่มผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพ 3 ราย คือน.ส.จุรี, นายสังคม และ นางอารี ปฏิเสธ 2 ราย คือนายเจริญ และ น.ส.ยุพิน ให้การภาคเสธ 1 รายคือนายสมพงษ์ ตำรวจจึงต้องสอบสวน ในรายละเอียดเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่ นายบ่าว (นามสมมุติ) ชาวบ้าน อ.กันตัง หนึ่งในผู้เสียหาย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวด้วยความคับแค้นในว่า เมื่อช่วงปี 2562 หรือประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา ตนนอนป่วย ติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล ประมาณ 5-6 เดือน ภายหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถทำงานประกอบอาชีพได้ ทำให้ภรรยาตนต้องไปกู้ยืมเงินจากแก๊งนี้มาจำนวน 3,000 บาท โดยเป็นเบี้ยดอกรายวัน ต้องส่งดอกประมาณวันละ 300 บาท ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดในการส่งผ่อนมากนัก เพราะว่าภรรยาเป็นคนจ่าย และส่งจ่ายมาตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เงินต้นยังอยู่ครบ แต่เมื่อวันไหนที่ไม่ได้จ่ายเพราะไม่มีเงิน แก๊งนี้ก็จะทำการข่มขู่อาฆาตผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ให้ระวังตัวไว้ และหลังจากนี้จะมีคนของแก๊งนี้ประมาณ 6-7 คนเข้ามาที่บ้าน พร้อมกับสั่งให้คนที่มาด้วยเอาปืนลงมาด้วย แต่ตนไม่ได้เห็นอาวุธปืน แต่เพื่อนบ้านเห็นชัดเจนและเคยถูกแก๊งนี้นำอาวุธปืนลงมาข่มขู่ ตนรู้จักหัวหน้าแก๊งเงินกู้รายนี้เพราะเป็นคนในพื้นที่ รู้จักเขามาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ และที่ภรรยาไปกู้เพราะทราบจากปากต่อปากกันว่าปล่อยเงินกู้
นายบ่าวเปิดเผยอีกว่า ที่ผ่านมาภรรยาเป็นคนทำงานคนเดียว เพราะตนป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง ไม่สามารถทำงานได้ โดยภรรยาทำงานโรงงานได้เงินวันละ 100 กว่าบาท แต่ต้องมาจ่ายดอกรายวันทุกวันต้องพยายามหามาให้บางวันไม่มีหรือเงินไม่พอก็ไม่ได้จ่าย แต่ต้องหามาจ่ายชดเชยย้อนหลัง ที่ทราบว่าเพื่อนบ้านรายอื่นเคยถูกขู่ฆ่ามาแล้วด้วยและชักปืนมาข่มขู่ รวมทั้งทำร้ายร่างกายด้วยการตบตี จนกระทั่งตนเองได้เดินเท้าด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ไปแจ้งความที่ สภ.กันตัง กลางวันแสกๆ ระยะทาง 6-7 กิโลเมตร เมื่อช่วงเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา เพราะรับไม่ได้และทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของแก๊งนี้แล้ว และได้ไปให้ปากคำทุกอย่าง
“ยอมรับที่ผ่านมาชีวิตไม่เคยมีความสุขเลย เงินหามาได้ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวัน จนมาทราบว่าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมแก๊งนี้ได้แล้ว ผมดีใจเพราะรอวันนี้มานานแล้ว และนึกว่าจะไม่มีวันนี้แล้ว จะไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้แล้ว อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะคนที่เดือดร้อนไม่ใช่มีแค่ผม แต่มีเป็นร้อยๆราย วันนี้รู้สึกได้เลยว่าความยุติธรรมยังคงมีอยู่จริง คนจนยังมีลมหายใจ เพราะหากไม่จับกุมคนจนไม่รู้จะมีที่หายใจตรงไหนแล้ว” นายบ่าวกล่าว
ด้านตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ฝากประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนไปถึงพี่น้องประชาชนทุกท่าน หากมีข้อมูลหรือความเคลื่อนไหวของ กลุ่มปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ ขอให้ติดต่อประสานงาน เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจใกล้บ้านท่าน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อจะได้รวบรวมพยานหลักฐาน และติดตามปราบปรามจับกุมเครือข่ายเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากพื้นที่ของท่าน สร้างความสงบสุขให้แก่ประชาชนในพื้นที่และลูกหลานของท่านต่อไป ช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท. สวรรยา เอียดตรง สว.กก.6 บก.ป. โทรศัพท์ติดต่อ085-536-4636 ส่วนข่าวคืบหน้าเรื่องนี้จะติดตามนำเสนอต่อไป.